วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา : กรณีศึกษา ชายหาดพัทยา


          
          พัทยานั้นเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมืองไทย ยิ่งโดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยแล้ว ความนิยมนี่ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก โดยในปัจจุบันเมืองพัทยานั้นเป็นมากกว่าเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวราตรีแบบในอดีตแล้ว เพราะว่ามีการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติและรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้นนั่นเอง นอกจากนั้นในตัวเมืองยังเต็มไปด้วยแหล่งช๊อปปิ้ง และร้านอาหาร สำหรับนักกิน นักช็อปด้วย ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ จากเมืองพัทยาเราสามารถนั่งเรือไปเที่ยวชมเกาะล้านที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองพัทยาได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วพัทยาในปัจจุบันจึงสามารถเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับทุกเพศทุกวัย




วัตถุประสงค์


 1. เพื่อศึกษาแหล่งท่องเที่ยวบริเวณชายหาดเมืองพัทยา
 2. เพื่อศึกษาผลประโยชน์และผลกระทบจากการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดเมืองพัทยา
 3. เพื่อหาแนวทางแก้ไขในการทำให้ชายหาดเมืองพัทยาสะอาดขึ้น


ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

 1. ทราบถึงความเป็นไปและการเปลี่ยนแปลงของแหล่งท่องเที่ยวบริเวณชายหาดเมืองพัทยา
 2. ทราบถึงผลประโยชน์และผลกระทบจากการท่องเที่ยวและให้ทางเมืองพัทยาหันมาสนใจปัญหาเหล่านี้อย่าจริงจัง
 3. ค้นพบแนวทางในการแก้ไขปละปรับปรุงปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณชายหาดเมืองพัทยา



พื้นที่่ศึกษา




          ชายหาดเมืองพัทยา เป็นหาดรูปโค้ง อยู่ในตัวเมืองพัทยา มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ  เป็นหาดที่มีถนนเลียบชายหาดที่ร่มรื่นด้วยพันธ์ไม้นานาชนิด ชายหาด ทางด้านเหนือเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำนั่งพักผ่อน หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่างๆ ส่วนชายหาดช่วงกลางไปจนถึงสุดหาดทางด้านใต้ เป็นบริเวณที่มีธุรกิจการบริการหนาแน่น ทั้งแหล่งอาหาร เครื่องดื่ม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก ตลอดจนแหล่งบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ มากมาย



ขอบเขตพื้นที่ศึกษา

 1. ศึกษาปัญหาขยะที่อยู่บริเวณชายหาดพัทยา
 2. ศึกษาหาแนวทางลดจำนวนขยะบริเวณชายหาด
 3. ศึกษาการขยายตัวหรือเปลี่ยนแปลงของสถานที่ท่องเที่ยวริมชายหาด



วิธีการศึกษา

 1. เก็บข้อมูลจากพื้นที่จริงจากบริเวณชายหาดพัทยา รวมถึงการลถ่ายภาพจากพื้นที่ปัญหา
 2. เก็บข้อมูลกิจการการท่องเที่ยวหลักบริเวณชายหาด การเปลี่ยนแปลงและการก่อสร้างเพิ่มเติม
 3. ค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ประกอบกับข้อมูลจากการลงพื้นที่



ผลการศึกษา

          พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศจึงหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีความสวยงาม และมีกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางน้ำหรือทางบก  ทำให้ประชาชนจากพื้นที่อื่นๆที่ย้ายถิ่นเข้ามาเพื่อประกอบอาชีพ จากการที่มีประชากรเข้ามาอยู่ในเมืองพัทยาเป็นจำนวนมากทำให้เกิดปัญหาขยะเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ทางเมืองพัทยาจะมีการจัดการกับปัญหาขยะในเมืองแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีขยะที่ลอยมากับน้ำทะเลและซัดเข้าสู่ชายหาดเมืองพัทยาอยู่เสมอๆ ทำให้เป็นภาพที่ไม่น่ามอง และนักท่องเที่ยวก็ไม่อยากลงเล่นน้ำทะเล ส่งผลกระทบต่ออาชีพเช่าหวงยาง และบริการเช่าเตียงผ้าใบ ปัญหาขยะนี้ยังมีอยู่ต่อเนื่อง






       

สรุปผลการศึกษา

          ปัญหาขยะส่วนใหญ่มาจากการทิ้งขยะไม่เป็นที่ของผู้คนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยาเอง รวมถึงขยะที่ลอยมากับคลื่นจากแหล่งอื่นด้วย

เนื่องจากเกิดการขยายตัวของกิจการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดมากขึ้น ทำให้มีปัญหาเหล่านี้ตามมาด้วย ถึงแม้ทางเมืองพัทยาจะจัดบริเวณที่ทิ้งขยะไว้หลายจุดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีคนที่มักง่ายทิ้งขยะลงชายหาดอยู่ดี เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนบริเวณชายหาด แล้วจะมีพ่อค้าแม้ค้ามาขายอาหาร โดยใช้ภาชนะโฟมและพลาสติก เมืื่อทานเสร็จแล้วนักท่องเที่ยวก็ขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งที่หลงเหลือ เพราะถึงขยะที่ทางเมืองพัทยาเตรียมไว้ให้นั้น อยู่บริเวณบนทางเท้าริมถนน ซึ่งต้องเดินออกไปอีกเป็นระยะทางหนึ่ง

กิจการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขี้น รายได้เพิ่ม ขยะเพิ่มขึ้น???


















           แต่เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ทางเมืองพัทยาก็ไม่ได้นิ่งเฉย และได้จัดกิจกรรม เก็บขยะชายหาดสากล ขึ้นเป็นประจำทุกปี  บริเวณชายหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี

เนื่องด้วยทุกเสาร์ที่ 3 ของเดือนกันยายนของทุกปี ถือเป็นวันเก็บขยะชายหาดสากล ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการประสานข้อมูลขยะทะเลกับองค์กร International Coastal Cleanup (ICC) ในปี 2554 มีอาสาสมัครเข้าร่วมเก็บขยะใต้ทะเลและชายหาดจำนวน 600 คน แต่สำหรับครั้งนี้มีถึง 2,000 คน ซึ่งจะเก็บขยะตลอดชายฝั่งพัทยาระยะทาง 2.7 กิโลเมตร และดำน้ำเก็บขยะที่เกาะล้าน
       
       ทั้งนี้ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของชายหาด และท้องทะเล เนื่องจากขยะถือเป็นสิ่งคุกคามหลักต่อระบบนิเวศทางทะเล ตลอดจนสัตว์หลายชนิด โดยในแต่ละปีกิจกรรมเก็บขยะชายหาด และดำน้ำเก็บขยะจะมีปริมาณมากกว่า 20 ตัน ซึ่งจะมีขยะทั้งขวดเครื่องดื่มชนิดต่างๆ กระป๋องเครื่องดื่ม ขวดน้ำพลาสติก ถุงพลาสติก กล่องโฟม ก้นบุหรี่ และถุงขนม ซึ่งขยะเหล่านี้ส่งผลต่อระบบนิเวศ และสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลเป็นอย่างมาก





แนวทางการแก้ปัญหาและข้อเสนอแนะ

 1. ร่วมกันปลูกจิตสำนึกให้กับนักท่องเที่ยว และประชาชนในเมืองพัทยา โดยการจัดกิจกรรมเก็บขยะบริเวณชายหาด หรือการเดินขบวนพาเหรดต่างๆ ตลอดจนให้ความรู้ถึงผลกระทบจากการทิ้งขยะไม่เป็นที่
 2. ออกกฎหมายเกี่ยวกับการทิ้งขยะไม่เป็นที่ และเก็บค่าปรับเป็นจำนวนเงินที่สูงสำหรับผู้ทิ่งขยะไม่เป็นที่
 3. ทางเมืองพัทยาควรปรับปรุงวิสัยทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยวและสถานบันเทิงบริเวณชายหาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น 






จัดทำโดย
นางสาวสุมาลี  ถิ่นทวี  52020304
นางสาวขัตติยานี  ศรีแฉล้ม  52021042
นางสาวลดาวัลย์  ศรีบุตรดา  52021093

















Unseen Pictures..










วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ก้าวแรก.. “เมืองพัทยาในฐานะเมืองท่องเที่ยว”


         

          จุดเริ่มต้นของการเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เป็นผลมาจากการพัฒนา คือภายหลังจากที่ “ถนนสายพัทยา – นาเกลือ”  เสร็จได้ไม่นาน  มีนักหนังสือพิมพ์ “เพลินจิตต์“  และนักประพันธ์ชื่อดังมาเที่ยวพัทยาด้วยรถตู้ ได้เดินทางไปที่หาดแห่งหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันนี้คือที่ตั้งของ “โรงแรมดุสิต รีสอร์ท” ซึ่งทุกท่านเห็นแล้วชอบและประทับใจมาก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอ่าวนี้ช่างสวยงาม” เมื่อกลับไปได้นำเรื่องราวของหาดพัทยาเขียนลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ เพลินจิตต์  ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักพัทยากันมากขึ้น” หลังจากนั้น ในปี พ.ศ.2498 เริ่มมีทัวร์พาคนกรุงเทพฯ  มาเที่ยวที่พัทยาคราวละ  30 – 40  คนบ้าง จนถึงปี พ.ศ.2515 ความสะดวก สบายของถนนหนทาง ทำให้คนสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวโดยทางรถยนต์ และการเดินทางด้วยรถโดยสาร ที่สถานีขนส่งสายใต้ ใช้เวลาเดินทางมาถึง “พัทยา” ในเวลาไม่นาน  จนเมืองพัทยาได้ถูกนำบันทึกเรื่องราวและบรรยายบรรยากาศ ไปตีพิมพ์เผยแพร่ไว้ใน อนุสาร อ.ส.ท. ฉบับที่ 6 ปีที่ 12 เดือน มกราคม พ.ศ. 2515
          ส่วนจุดเปลี่ยนอันเป็นจุดเริ่มต้นของเมืองท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติรู้จัก “เมืองพัทยา” เมื่อประมาณปี พ.ศ.  2502  กองทัพสหรัฐมีนายทหารอเมริกันหลายพันนาย ได้มาขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานที่มั่นประจำการ เพื่อส่งกองกำลังทหารอเมริกันเข้าร่วมรบในสงครามเวียดนาม ช่วงวันหยุดราชการทหารอเมริกันจะนั่งรถยี  เอ็ม  ซี  เดินทางเข้ามาพักผ่อนที่อ่าวพัทยา ช่วงนั้นพัทยายังเงียบสงบเมื่อเสร็จสิ้นการรบทหารอเมริกันได้กลับไป ชื่อเสียงของเมืองพัทยาก็เริ่มขจรไกลจากปากบรรดาจีไอไปสู่ชาวตะวันตกอื่นๆ  ต่อมาในช่วงปี  พ.ศ.  2520  นักท่องเที่ยวจากตะวันตกซึ่งเป็นชาวยุโรป  เริ่มเข้ามาท่องเที่ยว ทำให้เมืองพัทยาเติบโตขึ้นมาก  โรงแรมใหม่ๆ ก็ผุดขึ้นมามากขึ้นตามลำดับตั้งแต่พัทยาเหนือไปจนถึงพัทยากลางและพัทยาใต้  และขยับขยายต่อไปจนถึงหาดจอมเทียนซึ่งอยู่ถัดไปทางใต้  ในยุคสมัยหนึ่งพัทยารุ่งเรืองสุดขีดถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น  ” ริเวียร่าแห่งเอเชีย” (มีความสวยงาม เทียบเท่าชายหาดของอิตาลี ชื่อว่า “อิตาลี ริเวียร่า” ทางฝั่งยุโรปได้ชื่อว่าอากาศดีมาก ติดอันดับเมืองท่องเที่ยว) เลยทีเดียว

วิดิโอแนะนำนักท่องเที่ยวของเมืองพัทยา






ประวัติเมืองพัทยา


ประวัติเมืองพัทยา

          “เมืองพัทยา” แต่เดิมนั้นเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในเขต ตำบลนาเกลือ  อำเภอบางละมุง  จังหวัดชลบุรี  อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 30 กิโลเมตร  มีลักษณะทางกายภาพแนวหาดพัทยาทอดตัวยาวขาวนวล  อยู่ในวงล้อมของโค้งอ่าวครึ่งวงกลม ตลอดแนวยาว 3  กิโลเมตร รวมกับนาจอมเทียนอีก 3 กิโลเมตร  “ด้วยมนต์เสน่ห์ของน้ำทะเลใสที่ส่งประกายระยิบระยับ เสียงคลื่นที่ซัดซ่าฝั่งดังเป็นจังหวะจะโคน ที่สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศอันน่าประทับใจ” ต่อมาในปี 2499 ทางราชการได้จัดตั้งเป็นสุขาภิบาลนาเกลือขึ้น ขณะนั้นหมู่บ้านชาวประมงพัทยายังอยู่นอกเขตสุขาภิบาล กระทั่งต่อมาในปี 2507 (48 ปีที่ผ่านมา) จึงได้มีการขยายอาณาเขต สุขาภิบาล จากตำบลนาเกลือไปจนถึงเขตพัทยาใต้ มีพื้นที่ในการปกครองประมาณ 22.2 ตารางกิโลเมตร

หากจะย้อนกลับไปถึงความเกี่ยวข้องของเมืองพัทยากับประวัติศาสตร์ที่เล่าขานถึงตำนานอันเป็นที่มาของ “พัทยา” นั้นมีประวัติเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญไว้ 2 กระแส กล่าวคือ
           กระแสหนึ่งพูดถึงพัทยาในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของชาติไทยว่า ในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในปี พ.ศ. 2310 ประมาณ 2 เดือน พระยาตาก(สิน) เจ้าเมืองตาก เมื่อครั้งพระนครศรีอยุธยาถูกพม่าล้อม ทรงนำกำลังพลประมาณ 500 นาย ตีแหวกวงล้อมของพม่า เพื่อมาตั้งหลักกันใหม่ ทรงเดินทางมาแวะพักทัพในบริเวณอันเป็นที่ตั้งของ “เมืองพัทยา” ในปัจจุบัน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองจันทบุรี และกลับไปต่อสู้ขับไล่ข้าศึกออกจากประเทศไทย หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2  พร้อมทั้งประกาศอิสรภาพ ทรงกอบกู้เอกราชของชาติมาได้ ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือนเท่านั้น ต่อมาท่านได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ผู้ก่อตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานีแห่งที่ 3 ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 ของประเทศไทย  ดังนั้น สถานที่บริเวณที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เดินทางมาแวะพักทัพนั้น ต่อมาชาวบ้านจึงได้เรียกขานกันว่า “ทัพพระยา”         
          ส่วนอีกกระแส ได้กล่าวถึงตำนานไว้ว่า “พัทยา” ตรงบริเวณที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาแวะพักทัพ นั้น เป็นบริเวณที่มีทำเลดีและมีลมทะเลชนิดหนึ่งชื่อว่า “ ลมพัทธยา ” เป็นลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ได้พัดผ่านเข้ามาที่นี่เป็นประจำทุกปีในตอนต้นฤดูฝน จึงได้เรียกสถานที่บริเวณนี้ว่า “หมู่บ้านพัทธยา” และต่อมาได้เรียกเป็น “พัทยา” ในที่สุด  
จากประวัติศาสตร์ สู่ตราสัญลักษณ์เมือง
         อย่างไรก็ตาม สำหรับการแวะมาพักทัพของ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ในคราวนั้น ประชาราษฎร์ชาวไทยและชาวพัทยาผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงยกย่องถวายพระเกียรติพระองค์ท่านว่า “มหาราช” รัฐบาล ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้พร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ บริเวณหน้า “ศาลาว่าการเมืองพัทยา” เพื่อน้อมรำลึกในพระเกียรติประวัติ เกียรติยศและเกียรติคุณให้ปรากฏกับอนุชนรุ่นหลังตราบเท่าทุกวันนี้
         จากประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญจึงเป็นที่มาของ “ตราสัญลักษณ์ประจำเมืองพัทยา” ซึ่งเป็น รูปทรงกลมสองวงซ้อนกัน ภายในวงกลมมีภาพทหารโบราณขี่ม้าอยู่บนหน้าผา ด้านหลังคนขี่ม้านั้นมีภาพชายหาด ทะเล และเกาะ